เมื่อกล่าวถึงโปรแกรมประเภท CMS (Content Manageament System) หรือระบบโปรแกรมจัดการข้อมูลและการนำเสนอบนเว็บไซต์ CMS ที่กำลังได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน คือ The BIG Three ซึ่งก็คือ Drupal, WordPress และ Joomla
สำหรับมืออาชีพแล้ว คงตัดสินใจไม่ยากว่าจะเดินหน้าต่อด้วย CMS ระบบไหน แต่สำหรับมือใหม่ คงต้องศึกษาข้อมูล หรือสอบถามผู้เชี่ยวชาญก่อน
สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องประเมินตัวเองด้วยว่า มีพื้นฐานและทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์มากน้อยแค่ไหน?
ในบทความนี้ไม่ได้นำ ข้อดี/ข้อด้อย ของ CMS ทั้ง
3 ระบบมาเปรียบเทียบกัน เพราะมีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้เขียนไว้แล้ว
แต่จะนำแผนภูมิเปรียบเทียบความนิยมด้านต่างๆ และลักษณะการใช้งานมาให้ดู เพื่อเป็นแนวทางการตัดสินใจของนักพัฒนาเว็บมือใหม่ ดังนี้
ภาพจาก Google Trends ความนิยมของ WordPress เริ่มแซง Joomla มาตั้งแต่ปี 2010 ในขณะเดียวกันที่ความนิยมใน Joomla เริ่มตกลง
http://visual-seo.blogspot.com/
WordPress นำโด่ง สำรวจจาก 1 ล้าน Websites
http://wp.smashingmagazine.com/2011/11/29/wordpress-cms-crown-drupal-joomla/
http://wp.smashingmagazine.com/2011/11/29/wordpress-cms-crown-drupal-joomla/
WordPress ถูกนำไปใช้งานพัฒนาเว็บไซต์
มากที่สุดในกลุ่ม CMS http://webringcms.wordpress.com/
ยังมีข้อมูลอีกมากที่ชี้ให้เห็นว่า WordPress กำลังมาแรง แซง CMS ทุกระบบในขณะนี้ และมีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นนั้นไปอีกนาน สำหรับนักพัฒนาเว็บ/บล็อก มือใหม่ คงพอจะเห็นภาพและนำข้อมูลนี้ไปใช้ประกอบการตัดสินใจเลือก CMS มาใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาเว็บไซต์ต่อไป
เครื่องมือช่วยสร้าง Website/Weblog/Blog
สร้าง Website/Weblog/blog สวยๆไว้เป็นบล็อกส่วนตัว เพื่อบริการวิชาการ ประชาสัมพันธ์ หรือโปรโมทธุรกิจ ด้วย WordPress.com และ Blogger.com ไม่ยากอย่างที่คิด ไม่ต้องจดชื่อโดเมน (domain name) ไม่ต้องเช่าพื้นที่ Hosting
ปัจจุบัน WordPress.com และ *Blogger.com ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างเว็บบล็อก/บล็อก สำหรับ WordPress.com และ WordPress.org มีความแตกต่างกันหลายด้าน WordPress.com คือบริการเว็บไซต์สำเร็จรูปที่เปิดให้ใช้บริการฟรี เพียงแค่สมัครสมาชิกแล้วก็เริ่มเขียนเนื้อหาได้เลย WordPress.com เป็น WordPress แบบฟรี hosting ใช้งานง่าย สามารถออนไลน์ได้โดยไม่ต้องจดชื่อโดเมน (domain name) ไม่ต้องเสียเงินเช่าพื้นที่ hosting จึงทำให้มีความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่เนื่องจากเป็นของฟรี จึงมีข้อจำกัดมากมาย บล็อกที่สร้างด้วย WordPress.com จะมี URL ดังนี้ http://xxxxx.wordpress.com/ (xxxxx คือ ชื่อที่ผู้สร้างกำหนดขึ้นเอง)
ตัวอย่าง บล็อกสร้างด้วย WordPress.com http://khonkaenweblog.wordpress.com/
WordPress.org คือ WordPress แบบที่ต้องติดตั้งร่วมกับเซิร์ฟเวอร์ (server) สามารถดาวน์โหลดโปรแกรม WordPress ฟรี ไปใช้งานและติดตั้งได้ด้วยตนเอง แต่มีค่าใช้จ่ายในการจดชื่อโดเมนและเช่า Hosting เพื่อให้เว็บไซต์สามารถออนไลน์ได้ WordPress แบบนี้จะมีอิสระในการตกแต่งมากกว่า WordPress แบบฟรี hosting นอกจากนั้นยังสามารถลงปลั๊กอินหรือธีมของบล็อกได้อย่างหลากหลาย สามารถปรับแต่งในส่วนต่างๆได้ รวมทั้งพื้นที่ในการจัดเก็บก็มากเท่าที่ต้องการ บล็อกที่สร้างด้วย WordPress.org จะมี URL ตามชื่อของโดเมนที่ขอจด
WordPress.org คือ WordPress แบบที่ต้องติดตั้งร่วมกับเซิร์ฟเวอร์ (server) สามารถดาวน์โหลดโปรแกรม WordPress ฟรี ไปใช้งานและติดตั้งได้ด้วยตนเอง แต่มีค่าใช้จ่ายในการจดชื่อโดเมนและเช่า Hosting เพื่อให้เว็บไซต์สามารถออนไลน์ได้ WordPress แบบนี้จะมีอิสระในการตกแต่งมากกว่า WordPress แบบฟรี hosting นอกจากนั้นยังสามารถลงปลั๊กอินหรือธีมของบล็อกได้อย่างหลากหลาย สามารถปรับแต่งในส่วนต่างๆได้ รวมทั้งพื้นที่ในการจัดเก็บก็มากเท่าที่ต้องการ บล็อกที่สร้างด้วย WordPress.org จะมี URL ตามชื่อของโดเมนที่ขอจด
ตัวอย่าง เว็บบล็อกสร้างด้วย WordPress.org http://khonkaenweblog.com/
*Blogger คือบริการฟรีอีกบริการหนึ่งของ Google ที่มีไว้สำหรับเขียน เล่า หรือแชร์สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประวัติส่วนตัว ประสบการณ์ต่างๆ รวมถึงการแชร์รูปหรือคลิปวิดีโอ ซึ่งบริการนี้เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถทำได้เพียงแค่สมัครเป็นสมาชิก Blogger ก่อนเท่านั้น (ฟรี) Blogger ใช้งานง่ายเช่นเดียวกับ WordPress.com คือไม่ต้องจดชื่อโดเมน (domain name) และเช่าพื้นที่ Hosting จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีเว็บบล็อกเป็นของตนเองโดยไม่ต้องเสียเงินสำหรับจดโดเมนเนมและเช่า Hosting บล็อกที่สร้างด้วย ฺBlogger.com จะมี URL ดังนี้ http://xxxxx.blogspot.com/ (xxxxx คือ ชื่อที่ผู้สร้างกำหนดขึ้นเอง) บล็อกที่กำลังชมอยู่นี้สร้างด้วย Blogger.com http://kalawatblog.blogspot.com/
Joomla คือโปรแกรม OpenSource ประเภท CMS ทีใช้บริหารจัดการเว็บไซต์ ช่วยให้สามารถสร้างเว็บไซต์ ได้โดยไม่ต้องมีความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรมอย่าง HTML, XML, DHTMLl, PHP หรือแม้แต่ MySQL และยังสามารถเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงเนื้อหาได้ โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับการแก้ไขโปรแกรม Joomla ไม่มีบริการแบบเดียวกับ WordPress.com และ Blogger.com เพราะฉนั้นจึงมีค่าใช้จ่ายในการจดชื่อโดเมน และเช่า Hosting เพื่อให้เว็บไซต์สามารถออนไลน์ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น